ในปัจจุบันหลายๆ บ้านมักจะมีรถยนต์ไว้มากกว่า 1 คัน หรือบางคันก็แทบจะไม่ได้ใช้งานเลย หรือบางคนมีรถคันเดียวก็ยังไม่ค่อยเวลาขับ เนื่องจากบางคนอาจทำงานใกล้บ้านเลยไม่ค่อยได้ใช้งานรถยนต์เท่าไหร่นัก เมื่อจะต้องใช้รถอาจจะสตาร์ทไม่ติดเพราะรถยนต์ที่จอดอยู่เฉยๆ ก็เหมือนกับการรอเวลาให้สภาพเครื่องยนต์มันเสื่อมและชำรุดไปตามกาลเวลานั่นเอง ดังนั้นเรามาดูวิธีการดูแลรถยนต์ที่ไม่ใช้งานนานอย่างไรให้สามารถใช้งานได้ดีทุกครั้งที่ต้องการ
- ดูแลทำความสะอาดรถยนต์
ทำความสะอาดรถยนต์อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง เพราะการล้างรถ จะลดการการสะสมของฝุ่นที่เกาะติดอยู่ภายนอก รวมถึงคราบสกปรกต่าง ๆ ที่ติดอยู่ หากต้องจอดรถทิ้งไว้นาน ๆ โดยไม่ทำความสะอาดก่อน คราบสกปรก นอกจากจะเกาะติดจนทำความสะอาดยากในภายหลังแล้ว บางคราบสกปรกอย่าง ขี้นก ยางต้นไม้ ซากแมลง มีฤทธิ์เป็นกรด อาจส่งผลทำให้สีรถได้
- เติมลมยางให้แข็งกว่าปกติ
การจอดรถไว้นานๆ น้ำหนักที่กดทับอาจทำให้ยางเสียรูปได้ ดังนั้นให้เติมลมยางมากกว่าปกติประมาณ 5 – 10 ปอนด์/ตารางนิ้ว เพราะการจอดรถอยู่กับที่นานๆ จะทำให้เกิดอาการยางไม่คืนตัว โดยเกิดการยุบตัวของโครงยางส่วนหน้าที่สัมผัสกับพื้นได้ ทำให้โครงยางเสียรูป ไม่กลมนั่นเอง
- สตาร์ทรถเป็นระยะ
ควรหาเวลาสตาร์ทรถยนต์และขับเคลื่อนบ้าง อย่างน้อยทุก 2-3 วัน หรือ ทุก ๆ 2 สัปดาห์ เพื่อให้เครื่องยนต์ภายในได้ทำงาน และน้ำมันเชื้อเพลิง น้ำมันเครื่อง ได้มีการหมุนเวียนบ้าง รวมถึงป้องกันแบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วจากระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ภายในรถ เช่น วิทยุ สัญญาณกันขโมย ถึงแม้ว่าจะไม่มีการใช้งานเลยก็ตาม แต่จำเป็นต้องมีไฟจากแบตเตอรี่หล่อเลี้ยงการทำงานอยู่ตลอดเวลา
- ดูแลรักษาหัวเทียนให้ดี
หากคุณพอมีความรู้ในส่วนนี้ แนะนำว่าให้ถอดหัวเทียนออกแล้วฉีดน้ำมันเล็กน้อยลงในซ็อกเก็ตปลั๊กก่อนที่จะนำปลั๊กกลับมาอีกครั้ง การทำแบบนี้จะช่วยป้องกันการเกิดสนิมภายในฝาสูบ และช่วยป้องกันความชื้นได้
- เช็กของเหลวในรถก่อนจอดไว้
ควรตรวจเช็กของเหลวภายในของรถยนต์ทั้งหมด เช่น น้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรก น้ำในหม้อน้ำ หม้อพักน้ำ ให้มีปริมาณที่สูงสุด (หรือตำแหน่ง Max) เพื่อป้องกันการระเหยจนแห้งสนิทและส่งผลให้เกิดสนิมได้
ใครที่จะต้องจอดรถทิ้งไว้นานๆ ก็สามารถนำวิธีเหล่านี้ไปใช้ดูแลรถยนต์ของเราได้ ใครที่กำลังมองหาประกันรถยนต์ราคาดี ไม่แพงมากจนเกินไป และท่านมั่นใจว่าเป็นผู้ใช้รถยนต์ได้อย่างปลอดภัย ก็สามารถเลือกเป็นประกันชั้น 3 ได้ หากเกิดอุบัติเหตุขึ้น ประกันชั้น 3 จะช่วยชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อชีวิตและทรัพย์สิน ถึงแม้จะเน้นดูแลคู่กรณีเป็นหลัก แต่ ประกัน ชั้น 3 ก็ยังคงดูแลในส่วนของค่ารักษาพยาบาลของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร รวมถึงเงินชดเชยกรณีสูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพ หรือ เสียชีวิตด้วย